ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับวัยเด็กของสมเด็จพระนเรศวร พระองค์ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2098 และถูกพาตัวไปพม่าในฐานะเด็กตัวประกัน ที่นั่นพระองค์ได้เรียนรู้การต่อสู้ด้วยดาบและกลายเป็นภัยคุกคามต่ออาณาจักรพม่า
ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1564 ในช่วงที่พม่าล้อมเมืองพิษณุโลกซึ่งเป็นศูนย์กลาง อาณาจักร สุโขทัย ที่กำลังเสื่อมโทรม พระบิดาของพระนเรศวรมหาธรรมราชาธิราชยอมรับความพ่ายแพ้และปฏิบัติตามคำสั่งของพม่าให้จับพระโอรสทั้งสองพระองค์ คือ พระนเรศวร (พระนามเล่นว่าองค์ดำไทย : องค์ ดำ เจ้าชาย ) และเอกาทศรถ (เจ้าชายขาว) เป็นตัวประกันและเติบโตที่พะโค (ศูนย์กลางอาณาจักรหันถวาดี) ภายใต้การเฝ้ามองของบุเรงนองกษัตริย์พม่าที่สัญญาว่าจะดูแลพระนเรศวรเหมือนลูกของพระองค์เอง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างพระบิดาของพระนเรศวรกับพระมารดา คือ พระนางวิสุทกษัตรซึ่งพระอนุชาเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรอยุธยา ที่อยู่ใกล้เคียง เนื่องจากพิษณุโลกเป็น รัฐบริวารของพม่าในปัจจุบันอยุธยาจึงล่มสลายในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
ทันทีที่เข้าไปในพระราชวังพม่า พระนเรศวรทรงเห็นการเมืองในพระราชวังและความขัดแย้งระหว่างพระองค์กับหลานชายของพระบายินนองมิงจี สวาพระนเรศวรทรงถูกส่งไปศึกษาพระภิกษุสามเณรโดยพระสงฆ์ชาวมอญที่ชื่อขันชงที่วัดพุทธนอกพระราชวัง ที่นั่น ขณะที่ทรงเดินเตร่ไปตามหมู่บ้านไทยนอกเมืองพะโค (ประกอบด้วยชาวไทยที่อพยพไปอยู่ตามหมู่บ้านชาวมอญที่อพยพไปอยู่ตามหมู่บ้าน ชาว มอญที่ต่อมาได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นเด็กวัดชื่อบุนทิง (ต่อมากลายเป็นเจ้าราชมนูผู้นำชาวมอญ) พระองค์ยังทรงเป็นเพื่อนกับมณีจันท์ เด็กสาววัดที่วัด พระขันชงซึ่งเคยฝึกพระบายินนองเช่นกัน ทรงสอนพระนเรศวรเกี่ยวกับทักษะการสงครามและจริยธรรม